วันทหารม้า
ประวัติศาสตร์ของชาติไทย ได้สร้างความภาคภูมิใจให้กับปวงชนชาวไทย ในแผ่นดิน” เมื่อวันอาทิตย์ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือนยี่ ปีจอ อัฐศก จุลศักราช ๑๑๒๘ ตรงกับวันที่ ๔ มกราคม ๒๓๐๙ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ขณะดำรงตำแหน่งเป็นพระยศเป็นพระยาวชิรปราการ พร้อมด้วยกำลังทหารจำนวนน้อย ได้ตีฝ่าวงล้อมกองทัพพม่าที่ล้อม กรุงศรีอยุธยาออกไป เมื่อทหารพม่ารวบรวมกำลังไล่ติดตามมาถึง ณ บ้านพรานนก อำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พระองค์พร้อมด้วยทหารเอกคู่พระทัยอีก ๔ นาย ได้ทำการรบบนหลังม้า ต่อสู้กับทหารพม่า ๓๐ นาย จนได้รับชัยชนะอย่างเด็ดขาด จากพระปรีชาสามารถของพระองค์ในครั้งนั้นก่อให้เกิดความหึกเหิมในหมู่ทหาร และประชาชนในการรวบรวมพล เพื่อขับไล่อริราชศัตรู จนบังเกิดผลอย่างรวดเร็ว สามารถกอบกู้เอกราชของชาติไทยกลับคืนมาได้ในช่วงเวลาอันสั้น
จากการสู้รบในครั้งนั้น สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช พระองค์ทรงมีกำลังเพียง ๕ นาย แต่ต้องต่อสู้บนหลังม้ากับทหารพม่าถึง ๓๐ นาย และยังมีผลเดินเท้าอีก ๒๐๐ นาย ได้สำเร็จ ย่อมแสดงให้เห็นถึงการใช้คุณลักษณะของทหารม้าในการรบ นั่นก็คือ ความคล่องแคล่วในการเคลื่อนที่ และความรวดเร็ว ในการเข้าทำลายล้างอย่างสมบูรณ์ ทหาร ม้าจึงยกย่องพระองค์เป็นบูรพาจารย์แห่งการรบบนหลังม้า และเป็นพระบิดาของเหล่าทหารม้าของเรา และได้ถือเอาวันที่พระองค์ท่านได้สร้างวีรกรรมในครั้งนั้นคือ วันที่ ๔ มกราคม ของทุกปีเป็น “วันทหารม้า” ในโอกาสที่วันทหารม้าได้เวียนมาบรรจบอีกวาระหนึ่ง โรงเรียนทหารม้าขอเชิญชวนท่านทั้งหลาย ได้ร่วมน้อมจิตรำลึกถึง พระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านที่ได้ทุ่มเทพระวรกายเข้าปกป้อง กอบกู้เอกราชของชาติ จนดำรงความเป็นชาติไทย มาจนตราบเท่าทุกวันนี้....
|