การพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor) หรืออีอีซีในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคตะวันออกได้แก่ จังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง ได้มีการประกาศเขตส่งเสริมใน 5 พื้นที่ ประกอบด้วย

  1. เขตส่งเสริมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก: เมืองการบินภาคตะวันออก (Special EEC Zone: Eastern Airport City ตั้งอยู่บนพื้นที่ 6,500 ไร่ บริเวณสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา เพื่อยกระดับสนามบินอู่ตะเภาให้เป็นศูนย์กลางการบิน เพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารในอีก 5 ปีข้างหน้า ที่คาดว่าจะมีมากถึง 15 ล้านคน/ปี และจะเพิ่มความสามารถในการรองรับเป็น 35 ล้านคน/ปี ในอีก 10 ปี และ 60 ล้านคน/ปีในอีก 15 ปีข้างหน้า
  2. เขตส่งเสริมนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor of Innovation: EECi) ตั้งอยู่ในบริเวณวังจันทร์วัลเล่ย์ จ.ระยอง พื้นที่ 3,000 ไร่ และบริเวณอุทยานรังสรรค์นวัตกรรมอวกาศ อ.ศรีราชา   จ.ชลบุรี ครอบคลุมพื้นที่ 120 ไร่ เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมและชุมชนด้วยการพัฒนาวิจัยและนวัตกรรม
  3. เขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล (Digital ParkThailand: EECd) ตั้งอยู่ที่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี บนพื้นที่ 709 ไร่ เพื่อขยายและปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลรองรับการเป็นศูนย์กลางข้อมูล (Data Hub) ของอาเซียน
  4. นิคมอุตสาหกรรม Smart Park อยู่ที่จ.ระยอง ครอบคลุมพื้นที่ 1,466 ไร่  
  5. นิคมอุตสาหกรรมเหมราช อีสเทิร์นซีบอร์ด 4 อยู่ที่ จ.ระยอง ครอบคลุมพื้นที่ 1,900 ไร่ 

        นอกจากนี้ยังได้มีการอนุมัติโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งที่สำคัญ ได้แก่ การศึกษาระบบราง (รถไฟความเร็วสูงสายตะวันออก แอร์พอร์ต เรลลิงก์ ส่วนปัจจุบันและส่วนต่อขยาย และรถไฟฟ้าสายสีแดง) เพื่อเชื่อมโยง 3 สนามบิน ได้แก่ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง อู่ตะเภา และมีการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกหลัก 3 แห่ง ได้แก่ ท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3  ท่าเรือมาบตาพุดระยะที่ 3 และท่าเรือพาณิชย์สัตหีบ ทั้งยังมีการการพัฒนาโครงข่ายรถไฟเชื่อมโยง 3 ท่าเรือ และพัฒนาระบบการจัดการขนส่งแบบบูรณาการทั้งรถไฟและท่าเรือแบบไร้รอยต่อ (Seamless Operation)  ซึ่งเป็นโครงการหลักของ อีอีซี ที่ต้องการยกระดับประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์การทางเศรษฐกิจระดับโลก

     ทั้งนี้ ยังได้ประกาศหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และกระบวนการในการร่วมลงทุนกับเอกชนหรือให้เอกชนเป็นผู้ลงทุน พ.ศ.2560 (EEC Track) เพื่อให้การลงทุนใน อีอีซี สามารถทำงานได้คล่องตัวขึ้น โดยเริ่มนำร่องใน 6 โครงการสำคัญ ได้แก่

  1. โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก (Aerotropolis)
  2. โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (สุวรรณภูมิ ดอนเมือง อู่ตะเภา)
  3. โครงการพัฒนาท่าเรือมาบตาพุด (เฟส 3)
  4. โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง (เฟส 3)
  5. โครงการศูนย์ซ่อมอากาศยานอู่ตะเภา
  6. เขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล (EECd)

     ขณะเดียวกัน ได้เห็นชอบกรอบการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) อีก 8 แผนงานย่อย ได้แก่

  1. การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
  2. การพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมาย
  3. การพัฒนาการท่องเที่ยวในพื้นที่
  4. การพัฒนาศูนย์กลางการเงิน
  5. การพัฒนาบุคลากร การศึกษา การวิจัย และเทคโนโลยี
  6. การพัฒนาเมืองใหม่ ฉะเชิงเทรา-พัทยา-ระยอง
  7. การประชาสัมพันธ์และสร้างความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่
  8. แผนปฏิบัติการการเกษตร ชลประทานและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ อีอีซี

     รวมทั้งยังมีการเห็นชอบร่างแผนปฏิบัติการการพัฒนาบุคลากร การศึกษา การวิจัยและเทคโนโลยี (พ.ศ.2560 – 2564) และอนุมัติงบประมาณจากงบกลางปี 2561 สำหรับโครงการเร่งด่วนที่มีความจำเป็นที่ต้องดำเนินการตามแผนปฏิบัติการพัฒนาบุคคลากรฯ ในกรอบวงเงิน 861.02 ล้านบาท

     อย่างไรก็ดี สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ได้มีการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่ อีอีซี แล้ว 160 ราย และสำนักงานเพื่อการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (สกรศ.) ได้ชักชวนนักลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายให้เข้ามาลงทุนในพื้นที่ อีอีซี แล้ว 40 ราย โดย 11 ราย อยู่ระหว่างการพิจารณาข้อเสนอการลงทุน

การลงนามความร่วมมือกับต่างประเทศ

     เพื่อผลักดันให้เกิดความร่วมมือในการยกระดับโครงสร้างอุตสาหกรรมใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายของไทย และเพิ่มความร่วมมือทางธุรกิจตามนโยบายอุตสาหกรรม 4.0 ที่มุ่งเน้นสนับสนุนการพัฒนาด้านนวัตกรรม เทคโนโลยีที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเศรษฐกิจนั้น จึงได้เกิดความร่วมมือกับหลากหลายองค์กรของประเทศต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการลงนามความร่วมมือระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรมของไทยกับกระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรม (METI), ความร่วมมือกับเครือข่ายนวัตกรรมชีวการแพทย์แห่งเมืองโกเบ หรือ KOBE Biomedical Innovation Cluster (KBIC), ความร่วมมือกับองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (JICA) และ ความร่วมมือกับบริษัท HITACHI ของประเทศญี่ปุ่น

     ทั้งยังมีการร่วมมือระหว่างธนาคารไอซีบีซี (CIBC) จากประเทศจีนซึ่งร่วมมือกับสมาคมธนาคารไทย การร่วมมือกับองค์การสภาพัฒนาการค้าฮ่องกง (HKTDC) นอกจากนี้ ยังมีการลงนามความร่วมมือกับองค์กรระหว่างประเทศอย่างองค์การพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Industrial Development Organization : UNIDO) ด้วย

     ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (ร่างพ.ร.บ.อีอีซี) พ.ศ. … ไปเมื่อวันที่ 19 ก.ย.2560 และได้เข้าสู่กระบวนการของการนำเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ซึ่งที่ประชุมสนช.มีมติรับหลักการร่างดังกล่าวไปตั้งแต่วันที่ 28 ก.ย.2560 พร้อมตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญจำนวน 30 คน ซึ่งล่าสุด สนช.ได้พิจารณาผ่านร่างพ.ร.บ.อีอีซีไปเมื่อวันที่ 7 ก.พ.2561

ที่มา  : https://www.eeco.or.th/%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%92%E0%B8%99%E0%B8%B2/%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2




       

โปรแกรมนี้ เป็นลิขสิทธิ์ของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาฉะเชิงเทราเขต 2
209/1 หมู่ 3 ต.เกาะขนุน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา 038 - 551456 ต่อ 27 : version 2.2.0 e-mail: ผู้พัฒนา tecs4online@gmail.com