ครอบครัววิลเลี่ยม ฝรั่งหัวใจไทยแท้
41,783อ่าน
0
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก Youtube.com โพสต์โดย uthestreet
ด้วยภูมิประเทศ สถานที่ท่องเที่ยว ศิลปวัฒนธรรมที่งดงาม ความสงบเรียบง่ายของผู้คนในชาติ รวมถึงความมีน้ำใจบวกกับรอยยิ้มบนใบหน้า ทำให้ดินแดน สยามเมืองยิ้ม หรือ ไทยแลนด์ แห่งนี้ มีเสน่ห์ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวต่างพากันค้นหา และอยากจะสัมผัสอย่างใกล้ชิด ... "ครอบครัววิลเลี่ยม" ก็เช่นกัน หลังจากที่เขาได้เข้ามาสัมผัสความเป็นไทย ก็ทำให้หลงเสน่ห์เมืองไทยอย่างถอนตัวไม่ขึ้น ถึงขนาดกล่าวว่า "เกิดผิดประเทศ" เลยทีเดียว เอ้า! ... เพราะอะไรจึงทำให้พวกเขาหลงรักประเทศไทยขนาดไหน เรามาติดตามเรื่องราวพวกเขาได้ในรายการ "ฉันรักเมืองไทย" กันเลยค่ะ
สำหรับ "ครอบครัววิลเลี่ยม" เป็นครอบครัวใหญ่มาจากอเมริกา โดยมีจำนวนสมาชิกในครอบครัวถึง 15 คนด้วยกัน ซึ่งประกอบไปด้วย คุณพ่อ คุณแม่ ลูกสาว 8 คน และลูกชาย 5 คน ทุกคนมีรูปร่างหน้าตาเป็นฝรั่งแท้ แต่หัวใจของพวกเขาเป็น "ไทย" เต็มหัวใจ พวกเขารักเมืองไทย อยากอยู่เมืองไทย ชอบความเป็นไทย จนต้องย้ายบ้านมาอยู่ที่เมืองไทย
คุณแม่ไข่มุก วิลเลี่ยม ได้เล่าถึงการมาตั้งรกรากอยู่ในเมืองไทยว่า ...เดินทางเที่ยวประเทศไทยกับเพื่อนเมื่อประมาณ 20 ปีก่อน วันแรกที่มาถึงเธอประหลาดใจมาก ที่เมืองนี้เป็นเมืองที่มีแต่รอยยิ้ม มีแต่ความสุภาพ อ่อนโยน การไหว้ที่อ่อนหวาน อีกทั้งยังมีความใจดีที่มอบให้เธอ อย่างที่เธอไม่พบเคยเจอที่ไหนมาก่อน เธอเลยพาครอบครัวมาซื้อบ้านที่นี่ แล้วให้ลูก ๆ ของเธอทั้ง 13 คน ได้เรียนรู้วัฒนธรรม และประเพณีไทย โดยเธออยากให้ลูก ๆ ของเธอมีนิสัยที่น่ารักแบบคนไทย และได้เรียนรู้วัฒนธรรมแห่งการให้ อีกทั้งอยากให้ความเป็นไทยหล่อหลอมความคิดอ่านของลูก ๆ ให้เป็นคนดี ... และสุภาพอ่อนน้อม เพียงแค่ครึ่งนึงของคนไทยก็พอ
ทั้งนี้ครอบครัววิลเลี่ยมก็ได้พาเราไปเกาะติดการดำเนินชีวิตของพวกเขาใน 1 วัน ซึ่งคุณเฟ (ลูกสาวคนที่สอง) ได้อาสาพาเราไปทัวร์ไลฟ์สไตล์ตามแบบฉบับของ "ฝรั่งหัวใจไทย" กัน โดยเริ่มต้นที่โรงเรียนนาฏศิลป์ น้อง ๆ ของพวกเขา ทั้งหญิงและชาย ได้สวมชุดเรียนกรำไทย ใส่โจงกระเบนสีแดง กำลังฟ้อนรำกันอยู่ ด้วยลีลาที่อ่อนช้อย ทำให้การแสดงดูงดงามมาก ๆ โดยพวกเขาโชว์การรำในชุดต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น กวางทอง, มัจฉา, กินรี, เมขลา, หนุมาน โดยพวกเขากล่าวถึง ศิลปะการรำว่า การรำเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สวยงามและน่าสนใจมาก เรื่องราวที่พวกเขาชื่นชอบคือเรื่อง รามเกียรติ์ เพราะเป็นนาฏศิลป์ชาติไทยขั้นสูงสุด และเป็นมหรสพระดับชาติ อีกทั้งยังมีเรื่องราวที่แตกต่างจากละครทั่วไปคือ ละครธรรมดาจะมีตัวแสดงเด่น ๆ เพียงแค่พระ-นาง แต่เรื่องรามเกียรติ์ นอกจากตัวพระ-นางแล้ว ยังมีลิง กับยักษ์ มาสร้างสีสัน ทำให้เรื่องราวสนุกสนาน และน่าสนใจเพิ่มขึ้น
พอได้ชมโชว์สวย ๆ จากครอบครัววิลเลี่ยมแล้ว คุณเฟ ก็พาเราไปรับน้องสาวที่โรงเรียนโสมาภา ซึ่งเป็นโรงเรียนที่บรรดาลูก ๆ ของครอบครัววิลเลี่ยม ได้เรียนกันมา โดยคุณเฟ กล่าวว่า นอกจากโรงเรียนโสมาภาจะให้วิชาความรู้ทางด้านวิชาการแล้ว ยังได้ทำให้เธอได้เรียนรู้ความเป็นอยู่ของคนไทย จนทำให้เธอเป็นคนสุภาพมาจนทุกวันนี้ อีกทั้งครูบาอาจารย์แต่ละท่าน ทุกท่านมีอิทธิพลในการดำเนินชีวิตของเธอด้วย
นอกจากเธอจะพาเยี่ยมชมโรงเรียนแล้ว เธอยังได้พาเราไปมอบความสุขให้กับคนป่วยที่โรงพยาบาลตำรวจด้วย ซึ่งเป็นกิจกรรมอาสาของคุณพ่อคุณแม่ที่พวกเขาได้สานต่อ โดยพวกเขาจะสร้างความสุขให้กับคนด้อยโอกาส และผู้ป่วยทุกเดือน ด้วยการโชว์ต่าง ๆ ที่สนุกสนาน และน่ารักมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็น โชว์หมอลำของน้องสาวคนเล็ก โชว์เพลง จับมือไว้แล้วไปด้วยกัน และโชว์เพลงพระราชนิพนธ์ "ยิ้มสู้" พวกเขาได้ขับร้องออกมาอย่างน่าประทับใจ โดยมีคุณครูสาวฝรั่งหัวใจไทย อย่าง คริสตี้ กิ๊บสัน นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง เป็นผู้สอนขับร้องให้กับพวกเขา
สำหรับวัตถุประสงค์ของกิจกรรมอาสาที่ครอบครัววิลเลี่ยมได้ปฏิบัตินั้น เป็นเพราะพวกเขาชื่นชอบการให้ของคนไทย ทั้งทำบุญ และให้กำลังใจผู้อื่น ซึ่งทำให้พวกเขารู้ว่า การให้ นอกจากคนรับจะได้ความสุขแล้ว คนให้ก็ได้ความสุขไม่แพ้กัน อีกทั้งพวกเขามีแบบอย่างที่ดี อย่างในหลวง ซึ่งเป็นทั้งกษัตริย์ ทั้งพ่อของปวงชนชาวไทย ท่านเป็นอัจริยะภาพในทุก ๆ ด้าน และเป็นฮีโร่ของพวกเขาทุกคน ... ทั้งนี้เมื่อพูดจบ ครอบครัววิลเลี่ยมก็ได้ประสานเสียงร้องเพลง "จดหมายของพ่อ" ให้ฟังกันอีกด้วย แม้สำเนียงจะไม่ชัดอย่างคนไทย แต่พวกเขาก็ร้องออกมาจากหัวใจจริง ๆ
รุ่งเช้าครอบครัววิลเลี่ยมก็ได้ชักชวนให้พิธีกรไปร่วมงานปาร์ตี้อาหารไทย ซึ่งพวกเขากล่าวว่า ชื่นชอบรสจัดจ้าน และความหลากหลายของอาหารไทยมาก โดยพวกเขาได้โชว์ฝีมือทำส้มตำ และย่างไก่ย่าง ให้ได้รับประทาน โดยพวกเขาทำได้อย่างชำนาญเลยทีเดียว พร้อมรสชาติที่อร่อยไม่แพ้คนไทยทำ
สุดท้ายงานเลี้ยงต้องมีวันเลิกรา ... แต่เจตนารมณ์ของครอบครัววิลเลี่ยมไม่มีวันหยุดแน่นอน เพราะพวกเขาอยากสานต่อกิจกรรมดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นรำไทย หรือกิจกรรมอาสา เพื่อให้ลูกหลานของพวกเขามีจิตใจที่ดี และเป็นคนดีช่วยเหลือสังคมในอนาคต พร้อมกับทิ้งท้ายไว้ว่า ถึงรูปร่างหน้าตาของพวกเขาจะเป็นฝรั่ง แต่หัวใจของพวกเขาเป็นคนไทยแท้ ๆ และไม่อยากจะอยู่ที่ไหนอีกแล้ว เพราะเมืองไทยคือบ้านของพวกเขา
เขียนเมื่อ 2018-10-10 15:15:41 ผู้เขียน admin |