เรื่อง ประเภทของละครไทย ละครที่ไม่ใช่ละครรำ

เขียนเมื่อ 2019-03-12 14:31:06

    

ประเภทของละครไทย  ละครที่ไม่ใช่ละครรำ

            ละคร เป็นศิลปะการแสดงที่เป็นเรื่องราวมีมาตั้งแต่สมัยโบราณ แบ่งเป็นประเภทใหญ่ๆ ได้ ๒ ประเภท คือ ละครรำและละครที่ไม่ใช่ละครรำ ซึ่งละครแต่ละประเภทมีลักษณะการแสดงที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง

           ละครที่ไม่ใช่ละครรำมี ๓ ชนิด ได้แก่ ละครร้อง ละครพูด ละครสังคีต เป็นละครที่ไม่ใช้การรำในการดำเนินเรื่อง ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากตะวันตก

 

ละครที่ไม่ใช่ละครรำมี ๓ ชนิด คือ

ละครร้อง

เป็นละครแบบใหม่ ได้รับอิทธิพลจากตะวันตก ใช้การร้องในการดำเนินเรื่องราว
มี ๒ ประเภท คือ

  ๑.๑  ละครร้องล้วนๆ หรือละครร้องแบบรัชกาลที่ ๖

  ผู้ให้กำเนิดละครประเภทนี้คือพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยเลียนแบบจากละครอุปรากรที่เรียกว่า โอเปอเรติก ลิเบรตโต

  วิธีการแสดง เป็นละครที่ดำเนินเรื่องด้วยการร้อง  ไม่มีคำพูดแทรก เล่าเรื่องเป็นเพลงแทนการเจรจา ใช้ท่าทางแบบสามัญชน อาจมีการรำแทรกบ้าง

  การแต่งกาย แต่งกายตามท้องเรื่อง

ดนตรีและเพลงร้อง ใช้วงปี่พาทย์ไม้นวม เล่าเรื่องเป็นทำนองแทนการพูด ใช้ลูกคู่ร้องประกอบการแสดง มีการเปลี่ยนฉากตามท้องเรื่อง

  เรื่องที่แสดง ได้แก่ สาวิตรี เป็นละครร้องล้วนๆ เรื่องเดียวที่ไม่มีบทพูดเเทรกอยู่เลย

๑.๒  ละครร้องสลับพูด หรือละครร้องแบบกรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์

พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระนราธิประพันธ์พงศ์
ทรงดัดแปลงนำเค้ามาจากการแสดงของชาวมลายูที่เรียกว่า“บังสาวัน”หรือ“มาเลย์โอเปร่า”ละครร้องสลับพูดนี้เกิดขึ้นพร้อมกับละครร้องล้วนๆ แต่ได้รับความนิยมมากกว่า

วิธีการแสดง ใช้การขับร้องดำเนินเรื่อง มีพูดสลับเจรจาสอดแทรกเพื่อทบทวนบท
ที่ผู้แสดงร้องมาแล้ว ถ้าตัดบทพูดออกก็ไม่เสียความใดๆ ใช้กิริยาท่าทางอย่างสามัญชนตามธรรมชาติ ซึ่งพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ทรงเรียกว่า “ละครกำแบ”

  การแต่งกาย แต่งตามท้องเรื่อง คำนึงถึงฐานะของตัวละคร

  ดนตรีและเพลงร้อง ใช้วงปี่พาทย์ไม้นวม มีต้นเสียงและลูกคู่ร้องเกริ่นเรื่องและดำเนินเรื่อง ถ้าบทนั้นเป็นคำพูดของตัวละคร ผู้แสดงตัวนั้นจะต้องร้องเอง แต่ร้องเฉพาะที่เป็นถ้อยคำเท่านั้น ส่วนการเอื้อนลูกคู่จะเป็นผู้ร้องแทรกให้

  เรื่องที่แสดง เป็นเรื่องของสามัญชน เช่น ตุ๊กตายอดรัก ขวดแก้วเจียระไน สาวเครือฟ้า

ละครสังคีต

เป็นละครที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงริเริ่มขึ้น มีลักษณะคล้ายกับ
ละครร้อง แต่จะมีบทร้องและบทเจรจาเท่ากัน จะตัดสิ่งใดสิ่งหนึ่งออกไม่ได้

  วิธีการแสดง ใช้ผู้แสดงชายและผู้และหญิงแสดงจริง ผู้แสดงจะต้องร้องเอง มุ่งความไพเราะของบทเพลง มีเครื่องแต่งกาย และฉากงดงาม

  การแต่งกาย แต่งตามท้องเรื่อง  คำนึงถึงฐานะของตัวละคร

  ดนตรีและเพลงร้อง ใช้วงปี่พาทย์ไม้นวม ผู้แสดงต้องร้องและเจรจาเอง

  เรื่องที่แสดง เป็นบทพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้แก่
หนามยอกเอาหนามบ่ง วิวาหพระสมุทร มิกาโด และวั่งตี่ เป็นต้น 

ละครพูด

เป็นละครที่ใช้การพูดดำเนินเรื่อง ผู้ที่ริเริ่มละครพูดคือ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ครั้งยังทรงดำรงตำแหน่งสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ละครนี้เป็นที่นิยมมาก
ในสมัยรัชกาลที่ ๖ แบ่งเป็น ๓ ประเภทใหญ่ๆ คือ ละครพูดล้วนๆ ละครพูดสลับลำ ละครพูดแบบร้อยกรอง

  วิธีการแสดง

  ๑.  ละครพูดล้วนๆ ดำเนินเรื่องด้วยวิธีการพูด ถ้าเป็นบทที่คิดอะไรอยู่ในใจก็ใช้วิธีป้องปากพูดกับผู้ดูแล้วสมมุติว่าตัวแสดงอื่นๆ ไม่ได้ยิน ใช้ท่าทางประกอบตามธรรมชาติ

  ๒.  ละครพูดสลับลำ เป็นละครที่มีเพลงเข้ามาแทรกการดำเนินเรื่องอยู่ที่การพูด บทร้อง
เป็นเพียงส่วนเสริมความ ยํ้าความ ประกอบเรื่อง ถ้าตัดบทร้องออกก็ไม่ทำให้เนื้อเรื่องเสีย

  ๓.  ละครพูดแบบร้อยกรอง ดำเนินเรื่องด้วยการพูดแต่เป็นการพูดเป็นคำกลอน การออกเสียง
เหมือนพูดร้อยแก้ว แต่มีจังหวะ วรรคตอน

การแต่งกาย แต่งตามเนื้อเรื่อง เหมาะสมตามสภาพจริงและบุคลิกของตัวละคร

  เรื่องที่แสดง

  ๑.  ละครพูดล้วนๆ เรื่องที่แสดงเรื่องแรก คือ โพงพาง

  ๒.  ละครพูดสลับลำ เรื่องที่แสดง ได้แก่ ชิงนางและปล่อยแก่ของนายบัวทองอิน

  ๓.  ละครพูดแบบร้อยกรอง เรื่องที่แสดง ได้แก่ เวนิสวานิช เป็นละครพูดแบบคำกลอน
เรื่องมัทนะพาธา เป็นละครพูดแบบคำฉันท์